6 วิธีการเลือกซื้อพัดลมแบบคุ้มค่า

6 วิธีการเลือกซื้อพัดลมแบบคุ้มค่า

  1. ควรเลือกซื้อพัดลมที่มีเครื่องหมาย มอก. เพราะจะเป็นพัดลมที่ได้รับมาตราฐานรับรองความปลอดภัยในการใช้งาน
  2. พัดลมที่ซื้อควรมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ฉลากนี้บอกถึงระดับการใช้ไฟของพัดลมเป็น
    ต่อปี ค่าใช้จ่ายรายปี ประสิทธิภาพการใช้งาน โดยรวมแล้วบอกถึงความสามารถในการประหยัดไฟ
  3. พัดลมมีหลายประเภทเช่น พัดลมตั้งโต๊ะ พัดลมตั้งพื้น พัดลมเพดาน หรือพัดลมติดพนัง ควรเลือกประเภทพัดลมตามความเหมาะสม เเต่ปัจจุบันจะนิยมใช้เเบบตั้งพื้น หรือตั้งโต๊ะมากกว่า เนื่องจากสะดวกเเละประหยัดไฟได้ดี
  4. ถ้าเน้นการประหยัดไฟควรเลือกพัดลมเเบบธรรมดา เพราะปัจจุบันพัดลมได้มีการพัฒนาที่ควบคุมได้โดยใช้รีโมทคอลโทรล ซึ่งการอำความสะดวกสบายนี้จะต้องเเลกมากับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
  5. ควรดูการบริการหลังการขาย ถ้าเกิดพัดลมเกิดชำรุด หรือเสียหายจะสามารถส่งซ่อมได้ที่ไหน มีรับประกันสินค้าไหม
  6. ควรเลือกซื้อพัดลมที่มียี่ห้อมากกว่า เนื่องจากมีมาตราฐานการผลิต สินค้ามีคุณภาพ เเละทนทานกว่า ที่สำคัญคือความปลอดภัยระหว่างใช้งาน

ประเภทของพัดลม

  1. พัดลมแบบใบพัด เป็นพัดลมที่ใช้การหมุนของมอเตอร์ทำงานร่วมกับใบพัด พัดลมประเภทนี้เป็นที่นิยม และหาซื้อได้ง่าย มีหลายแบบในการเลือกใช้งาน เช่น แบบตั้งโต๊ะ ตั้งพื้น ก็จะสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย น้ำหนักเบา ราคาถูก แบบแขวนเพดาน ติดผนัง ก็จะสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้ พัดลมปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้สามารถสั่งงานพัดลมผ่านรีโมทคอนโทรลได้ด้วย แต่พัดลมประเภทนี้จะมีการใช้ไฟฟ้าสูง พัดลมประเภทนี้ต้องหมั่นดูแลรักษาให้สะอาด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดี
  2. พัดลมไร้ใบพัด เป็นพัดลมที่ทำความเย็นด้วยระบบการทำงานของมอเตอร์จะดูดอากาศเข้าไปในเครื่อง และถูกดูดเร่งผ่านช่องวงแหวนที่อยู่ภายในหัวจ่ายลม กลายเป็นกระแสลมพ่นออกจากหัวจ่ายลมที่มีลักษณะเป็นช่องวงแหวนปัจจุบันได้มีการพัฒนาเพิ่มระบบการฟอกอากาศ ตรวจจับฝุ่น หรือดูดซับอากาศเข้าไปในตัวพัดลมด้วย ทำให้ลมที่พัดมีอากาศบริสุทธิ์ เป็นผลดีต่อผู้ใช้งาน แต่แรงลมยังไม่เทียบเท่ากับพัดลมใบพัด จึงเหมาะสำหรับใช้ควบคู่กับเครื่องปรับอากาศมากกว่า
  3. พัดลมไอเย็น เป็นพัดลมที่ทำงานโดยอาศัยน้ำเย็นเข้ามาช่วย โดยพัดลมดึงความร้อนออกจากอากาศ และดูดอากาศร้อนไหลผ่านมาปะทะกับแผ่นทำความเย็นในตัวเครื่อง ลมที่ได้จะมีความเย็นช่ำ แต่ควรระวังเรื่องความชื้นสะสมอาจจะทำให้เป็นแหล่งเชื้อโรคได้ พัดลมประเภทนี้เคลื่อนย้ายสะดวกขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับพื้นที่ที่โปร่ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก แต่พื้นที่จะต้องไม่ใหญ่จนเกิน

 

ข้อเปรียบเทียบระหว่างพัดลมไอเย็น กับเครื่องปรับอากาศ

พัดลมไอเย็น การทำงานของพัดลมไอเย็นตัวเครื่องจะทำการเป่าลมร้อนผ่านแผงรังผึ้งที่มีน้ำเย็นอยู่ ทำให้น้ำบนแผ่นจะระเหย และดึงความร้อนออกจากอากาศ จนลมที่เป่าออกมาจะมีความเย็นช่ำๆ กว่าพัดลมทั่วไป อัตราการกินไฟจะน้อยกว่าแอร์ เพราะกินไฟเทียบเท่ากับพัดลมทั่วไป สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่เล็กๆ อากาศถ่ายเทได้ดี สามารถใช้ในสถานที่เปิดได้

เครื่องปรับอากาศ ทำงานโดยมีคอมเพรสเซอร์ ดูดลมภายนอกและเป่าลมร้อนที่ออกมาจากในห้อง จากนั้นตัวคอมเพรสเซอร์จะอัดสารทำความเย็น ที่ผ่านการลดอุณหภูมิ และลดความดันแล้วกลับมายังตัวเครื่องปรับอากาศ ทำให้ได้ลมเย็นออกมาช่วยปรับอุณหภูมิที่เราได้ทำการตั้งไว้ เครื่องปรับอากาศจะกินไฟมากกว่า แต่ก็มีความเย็นมากกว่าเนื่องจากมีระบบเปลี่ยนอากาศหลายขั้นตอน และซับซ้อนกว่าพัดลมไอเย็น ราคาแพงกว่าพัดลมไอเย็น การติดตั้งต้องยึดติด โดยการซื้อต้องคำนวณพื้นที่ภายในห้องเพื่อเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมด้วย แต่ข้อจำกัดของเครื่องปรับอากาศคือสามารถใช้ได้กับสถานที่ปิดเท่านั้น

 

วิธีการใช้พัดลมให้ประหยัดไฟ และมีประสิทธิภาพที่สุด

  1. ถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน เพราะการเสียบปลั๊กค้างไว้ทำให้กระแสไฟวิ่งอยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟ ฉะนั้นถ้าไม่ได้มีการใช้งานแล้วควรปิด และถอดปลั๊กออกให้เรียบร้อย
  2. ควรตั้งพัดลมในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพราะจะช่วยระบายอากาศ ลดภาระในการทำงานของพัดลมไม่ให้หนักจนเกินไป เพื่อยืดอายุการใช้งานของพัดลม แถมยังประหยัดไฟด้วย
  3. หมั่นทำความสะอาดพัดลมให้สะอาดเสมอ อย่าให้มีฝุ่นเกาะติดมากๆตามใบพัด หรือตะแกรงครอบ หรือตัวพัดลม เพราะจะลดประสิทธิภาพในการใช้งาน ส่งผลให้มอเตอร์ทำงานหนักขึ้น
  4. เปิดระดับความแรงตามความเหมาะสม ไม่เปิดแรงจนเกินไปทำให้สิ้นเปลืองไฟ เกินความจำเป็น ควรเปิดให้พอดีต่อการใช้งาน
  5. หมั่นดูแลรักษา ซ่อมบำรุงเสมอ เมื่อใช้งานไปนานๆคอยสังเกตุพัดลมว่าแกนมอเตอร์มีสนิมหรือไม่ ถ้ามีให้หยอดน้ำมันเพื่อหล่อลื่นแกนมอเตอร์ในการหมุนให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ